Powered By Blogger

Tuesday, 12 February 2013

10 อันดับตึกยอดเยี่ยมของโลก ปี 2009

อันดับ 10 William Beaver House ,New York City,USA
(คะแนนที่ได้รับ 10 แต้ม)




ชื่ออย่างเป็นทางการ William Beaver House
ที่ตั้ง Alternative name15 William Street

ตึก นี้ ถูกออกแบบเป็นที่พักอาศัย ในย่านแมนฮัตตัน ด้วยความสูง 159 เมตร 44 ชั้น จุดเด่นของตึกนี้ คือ การใช้ โทนสีเหลือง ในการตกแต่ง มองจากในรูปจะเห็นได้ว่า ใช้สีเหลืองตกแต่งได้สวยงามมาก


----------------

อันดับ 9 Millennium Tower ,San Francisco,USA
(คะแนนที่ไ้ด้รับ 13 แต้ม)










ชื่ออย่างเป็นทางการ - Millennium Tower
ที่ตั้ง - 301-315 Mission Street

ตึก นี้ตั้งอยู่ในย่านMission Street ของ เมืองซานฟรานซิสโก เปิดให้คนเข้าอยู่อาศัย วันที่ 23 เมษายน 2009 ด้วยความสูง 196 เมตร จำนวน 58 ชั้น ค่าก่อสร้าง 350 ล้านดอร์ล่าสหรัฐ Millennium Tower (San Francisco) ได้รับรางวัลตึกยอดเยี่มจากหลาย สถาบัน

* 2008: American Concrete Institute Awards, Northern California – Construction
* 2008: Concrete Industry Board – Roger H. CIB Award of Merit
* 2009: American Society of Civil Engineers, Region 9 – Structural Engineering Project of the Year
* 2008: American Society of Civil Engineers, San Francisco Section – Outstanding Structural Engineering Project
* 2009: Metal Architecture Magazine – April 2009 edition Top Honor
* 2009: California Construction – Outstanding Project Management
* 2009: California Construction – Multi-family/Residential, Award of Merit


--------------------------

อันดับ 8 Almas Tower ,Dubai, UAE
(คะแนนที่ได้รับ 16 แต้ม)





ชื่ออย่างเป็นทางการ - Almas Tower
ที่ตั้ง - ย่าน Jumeirah Lake Towers

อัล มาสทาวเวอร์ ( หอคอยเพชร) เป็นตึกระฟ้าแห่งหนึ่งในเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เริ่มก่อสร้างเมื่อต้นปี ค.ศ. 2005 และแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 2009 ตึกแห่งนี้มีความสูงทั้งสิ้น 363.07 เมตร (1,191 ฟุต) มีจำนวนชั้น 74 ชั้น แบ่งออกเป็นชั้นเหนือพื้นดิน 69 ชั้น ชั้นใต้ดินอีก 5 ชั้น ซึ่งใน 70 ชั้นใช้งานเชิงพาณิชย์และ 4 ชั้นใช้งานเกี่ยวกับการบริการ และในปี ค.ศ. 2008 ได้กลายเป็นตึกที่มีความสูงเป็นอันดับ 2 ของเมืองดูไบ รองจากบูร์จคาลิฟา

----------------------------------------

อันดับ 7 Bank of America Tower ,New York City,USA
(คะแนนที่ได้ีรับ 32 แต้ม)






แบงค์ ออฟอเมริกาทาวเวอร์ (อังกฤษ: Bank of America Tower at One Bryant Park) เป็นตึกระฟ้าที่ตั้งอยู่ใจกลางเขตแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก มีความสูง 366 เมตร (1,200 ฟุต) ตั้งอยู่ที่อเวนิว 6 ระหว่างสตรีต 42 และสตรีต 43 ตรงข้ามกับสวนสาธารณะไบรอัน ท์ ตึกนี้มีความสูงเป็นอันดับที่ 2 ของนครนิวยอร์ก รองจากตึกเอ็มไพร์สเตต และสูงเป็นอันดับที่ 4 ของสหรัฐอเมริกา ตึกนี้ถูกออกแบบโดย Cook+Fox Architects และ Gensler ก่อสร้างถึงจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 2007 แล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 2009
และชื่ออาคารตั้งตามเจ้าของซึ่งคือ ธนาคารแห่งอเมริกา

ยอด แหลมของแบงค์ออ ฟอเมริกาทาวเวอร์มีความสูง 77.9 เมตร (255.5 ฟุต) ตึกมีจำนวนชั้นทั้งหมด 58 ชั้น แบ่งเป็นสำนักงานตั้งแต่ชั้นที่ 1-51 มีพื้นที่ใช้สอย 195,000 ตร.ม. (2,100,000 ตร.ฟุต) และที่เหลือเป็นห้องควบคุมระบบและชั้นส่วนตัวอีก 7 ชั้น มีลิฟต์ทั้งหมด 53 ตัว 52 ตัวใช้บริการทั่วไปและหนึ่งตัวลงไปถึงชั้นลอยที่ไว้ใช้ขนส่ง ซึ่งอยู่ต่ำกว่าพื้นดิน

------------------------------------------

อันดับ 6 The Red Apple ,Rotterdam, Netherlands
(คะแนนที่ได้รับ 34 แต้ม)




Almas TowerThe Red Apple เป็น อาคารที่อยู่อาศัย บนเกาะ Wijnhaven ใน เมือง Rotterdam ประเทศNetherlands อาคารนี้แล้วเสร็จใน2009.
Red Apple เป็นอาคารที่อยู่อาศัย ที่เรียกว่า "Kopblok"
มีความสูง 128 เมตร สูง และ มี 40 ชั้น (152 ห้อง).
Red Apple ได้ รับ การ ออกแบบ โดย KCAP โดยจุดเด่นของอาคารนี้ นี้การใช้โทนสีแดงที่ตกแต่งสวยงาม


----------------------------------------------

อันดับ 5 Trump International Hotel & Tower ,Chicago, USA
(คะแนนที่ได้รับ 36 แต้ม)





ทรัมพ์ อินเตอร์เนชันแนลโฮเต็ลแอนด์ทาวเวอร์ (อังกฤษ: Trump International Hotel and Tower รู้จักกันในชื่อ Trump Tower Chicago หรือ Trump Tower) เป็นตึกระฟ้าใจกลางเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ตั้งชื่อตามนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดนัลด์ ทรัมป์ ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ เอเดรียน สมิธ ของสกิดมอร์ โอววิงส์แอนด์เมอร์ริลล์ ส่วนโบวิสเลนด์ลิส ก่อสร้างอาคาร 96 ชั้น ซึ่งมีความสูง 1,362 ฟุต (415.1 เมตร) รวมทั้งยอดแหลม ชั้นที่สูงที่สุดสูง 1,170 ฟุต (360 เมตร) ตึกตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำชิคาโก

องค์กรทรัมพ์ได้ประกาศในปี พ.ศ. 2544 ว่าตึกนี้จะเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก แต่หลังจากเหตุการณ์ 11 กันยายน พ.ศ. 2544 ก็ได้เปลี่ยนแปลนตึกให้เล็กลง และได้แก้ไขแบบหลายจุด เมื่ออาคารได้สร้างถึงยอดในปี พ.ศ. 2552 ได้กลายเป็นตึกที่สูงที่สุดอันดับที่ 2 ของสหรัฐอเมริกา รองจากวิลลิสทาวเวอร์ที่ตั้งอยู่ในชิคาโกเช่นเดียว กัน

ตึกนี้คาดว่า จะถูกแซงโดยวันเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ในนครนิวยอร์กเมื่อถึงกลางปี พ.ศ. 2556 และโดยตึกชิคาโกสไพร์ถ้าสร้าง แล้วเสร็จ ทรัมพ์อินเตอร์เนชันแนลโฮเต็ลแอนด์ทาวเวอร์ยังเป็นอาคารที่พักอยู่อาศัยที่ สูงที่สุดในโลกอีกด้วย

รูปแบบของอาคารตั้งแต่ฐาน มีร้านขายปลีก ที่จอดรถ โรงแรม และคอนโดมิเนียม ซึ่งโรงแรมได้เปิดให้พักได้ในวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2551 และเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2551 ก็ได้เปิดทำการทั้งหมด ร้านอาหารตั้งอยู่ที่ชั้น 16 ของตึก เรียกว่า ซิกซ์ทีน (Sixteen) เปิดเมื่อต้นปี 2551 และได้รับการชื่นชมจากผู้ใช้บริการสำหรับอาหาร ที่ตั้ง การตกแต่งภายใน สถาปัตยกรรมและทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นได้[13] ตึกนี้สร้างถึงชั้นสูงสุดเมื่อปลายปี 2551 และการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 2552

----------------------------------

อันดับ 4 Torres de Hércules ,Los Barrios,Spain
(คะแนนที่ได้รับ 38 แต้ม)



Torres de Hércules เป็น อาคารที่อยู่อาศัย ในเมือง Los Barrios ประเทศ Spain อาคารนี้แล้วเสร็จใน2009
Torres de Hércules มีความสูง 100 เมตร และ มี 21 ชั้น
Torres de Hércules ได้ รับ การ ออกแบบ สถาปัตยกรรมสเปน อย่างสวยงาม

-----------------------------------

อันดับ 3 The Met ,Bangkok,Thailand
เหรียญทองแดง
(คะแนนที่ได้รับ 43 แต้ม)










เด อะเม็ท (อังกฤษ: The Met) เป็นอาคารที่พักอาศัย ตั้งอยู่บนถนนสาทรใต้ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร มีความสูง 228 เมตร หรือ สูง 69 ชั้น มีเนื้อที่โครงการ 7 ไร่ 40 ตารางวา มีประเภทของห้องคือ 2-4 ห้องนอน, Duplex และ Penthouse เนื้อที่ 456 ตารางเมตร ค่าก่อสร้าง 4 ,620 ล้านบาท และราคาห้องพักต่อ 1 ห้องอยู่ที่ราคาประมาณ 25 ล้านบาท

ตึกเดอะเม็ท เป็นของบริษัท Pebble Bay Company Limited-Hotel Properties Limited สถาปนิกออกแบบโดย WOHA Limited+Tandem Architects ตามแผนการก่อสร้างเดิม เริ่มก่อสร้างในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2548 แล้วเสร็จในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2552

คอนเซ็ปต์ ของโครงการ เดอะเม็ท คือ "การพักอาศัยบนอาคารสูงในเขตเมืองร้อน" มีการออกแบบที่ทันสมัย โดยคำนึงถึงเรื่องการไหลเวียนของอากาศ นอกจากนี้ โครงการ เดอะ เม็ท ยังให้ความเป็นส่วนตัวสูง โดยแต่ละยูนิตจะมีโถงลิฟท์ส่วนตัว สิ่งอำนวยความสะดวกระดับหรูครบครันถึง 3 ชั้น รวมถึงสระว่ายน้ำขนาด 50 เมตร สนามเทนนิส และสกาย เทอเรส บนชั้นที่ 28 และ 47 ซึ่งสามารถชมทัศนียภาพอันสวยงามของกรุงเทพฯ

ปัจจุบัน การก่อสร้างโครงสร้างหลักของอาคารซึ่งสูง 66 ชั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว การติดตั้งลิฟท์โดยสารความเร็วสูงจำนวน 22 ตัว การตกแต่งสวนบนอาคาร รวมทั้งการตกแต่งผนังอาคารภายนอกด้วยวัสดุอะลูมิเนียมแคลดดิ้ง ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน


----------------------------------------

อันดับ 2 0-14 ,Dubai,UAE
เหรียญเงิน
(คะแนนที่ได้รับ 61 แต้ม)








O14 หรือ O-14 เป็น ตึกสำนักงาน ตั้ง อยู่ ใน อ่าวใรย่านธุรกิจ ใน เมือ' ดูไบ ประเทศสหรัฐ อาหรับ Emirates. ความสูง102 m (335 ft) มี 23 ชั้น.
อาคารมีขนาด 300,000 ft. ตร.ม.
ใน พื้นที่ 1 เมตร ระหว่าง ช่องว่างและหน้าต่างของตึก มีช่องช่วยให้รับลมและระบายอากาศ รวมไปถึงระบายความร้อน แกนด้านหน้าของตึกเป็นสีขาว มีขนาดหนา 40 ซม. ทำจากคอนกรีตเหลวมาก มี ช่องวงกลม1,000 วงกลม ตึก 014 ออกแบบและก่อสร้างโดย Reiser + Umemoto RUR Architecture P.C


----------------------------------


อันดับ 1 Aqua ,Chicago,USA
เหรียญทอง
(คะแนนที่ได้รับ 86 แต้ม)










Aqua เป็นตึกสูงที่อยู่อาศัยภายใต้การ ก่อสร้างใน การพัฒนา Lakeshore East ใน เมือง Chicago.
มีความสูง 250 ม. 819 ฟุต มีทั้งหมด 82 ชั้น ชั้นใต้ดิน 5 ชั้นสำหรับจอดรถ
มีพื้นที่ 140,000 ตาราง ฟุต (13,000 m 2 ) ห้องพัก 1 ห้องในตึกนี้ประกอบไปด้วย ระเบียง, พร้อมสวน, gazebos, สระ เป็นต้น

สถาปัตยกรรม
Aqua ได้ รับ การ ออกแบบ โดย Gang Jeanne, ผู้ก่อตั้ง สถาปนิกGangสตูดิโอ การออกแบบ ถูกออกแบบให้กลมกลืนกับธรรมชาติ มากที่สุด และ เป็นโครงการตึกสูง ครั้งแรกของเขา ซึ่งเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดที่เคยได้รับรางวัล

อา ควา" โรงแรมและอาคารที่พักอาศัย ขนาด 81 ชั้น สูง 249.7เมตร ใกล้ทะเลสาบมิชิแกนในนครชิคาโกของสหรัฐอเมริกา คว้ารางวัล "เอ็มโพริส อะวอร์ด ครั้งที่10" ในฐานะอาคารสูงยอดเยี่ยมประจำปี 2552 สร้างด้วยสถาปัตยกรรมล้ำหน้าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

Pope Benedict XVI To Resign On Feb. 28 Due To Health Concerns




The Vatican says Pope Benedict XVI will resign on Feb. 28, The Associated Press reported. The 85-year-old pope announced the decision on Monday, and cited health concerns as the reason for his departure.

VATICAN CITY (AP) — Pope Benedict XVI announced Monday that he would resign on Feb. 28 because he was simply too infirm to carry on — the first pontiff to do so in nearly 600 years. The decision sets the stage for a conclave to elect a new pope before the end of March.

The 85-year-old pope announced his decision in Latin during a meeting of Vatican cardinals on Monday morning.

He emphasized that carrying out the duties of being pope — the leader of more than a billion Roman Catholics worldwide — requires "both strength of mind and body."

"After having repeatedly examined my conscience before God, I have come to the certainty that my strengths due to an advanced age are no longer suited to an adequate exercise of the Petrine ministry," he told the cardinals. "I am well aware that this ministry, due to its essential spiritual nature, must be carried out not only by words and deeds but no less with prayer and suffering.

"However, in today's world, subject to so many rapid changes and shaken by questions of deep relevance for the life of faith, in order to govern the barque of St. Peter and proclaim the Gospel, both strength of mind and body are necessary — strengths which in the last few months, has deteriorated in me to the extent that I have had to recognize my incapacity to adequately fulfill the ministry entrusted to me."

The last pope to resign was Pope Gregory XII, who stepped down in 1415 in a deal to end the Great Western Schism among competing papal claimants.

Benedict called his choice "a decision of great importance for the life of the church."

The move sets the stage for the Vatican to hold a conclave to elect a new pope by mid-March, since the traditional mourning time that would follow the death of a pope doesn't have to be observed.

There are several papal contenders in the wings, but no obvious front-runner — the same situation when Benedict was elected pontiff in 2005 after the death of Pope John Paul II.

When Benedict was elected pope at age 78 — already the oldest pope elected in nearly 300 years — he had been already planning to retire as the Vatican's chief orthodoxy watchdog to spend his final years writing in the "peace and quiet" of his native Bavaria.

Contenders to be his successor include Cardinal Angelo Scola, archbishop of Milan, Cardinal Christoph Schoenborn, the archbishop of Vienna, and Cardinal Marc Ouellet, the Canadian head of the Vatican's office for bishops.

Longshots include Cardinal Timothy Dolan of New York. Although Dolan is popular and backs the pope's conservative line, the general thinking is that the Catholic Church doesn't need a pope from a "superpower."

All cardinals under age 80 are allowed to vote in the conclave, the secret meeting held in the Sistine Chapel where cardinals cast ballots to elect a new pope. As per tradition, the ballots are burned after each voting round; black smoke that snakes out of the chimney means no pope has been chosen, while white smoke means a pope has been elected.

Popes are allowed to resign; church law specifies only that the resignation be "freely made and properly manifested."

Only a handful have done so, however and there's good reason why it hasn't become commonplace: Might the existence of two popes — even when one has stepped down — lead to divisions and instability in the church? Might a new resignation precedent lead to pressures on future popes to quit at the slightest hint of infirmity?

Benedict himself raised the possibility of resigning if he were simply too old or sick to continue on in 2010, when he was interviewed for the book "Light of the World."

"If a pope clearly realizes that he is no longer physically, psychologically and spiritually capable of handling the duties of his office, then he has a right, and under some circumstances, also an obligation to resign," Benedict said.




Chinese New Year



The Chinese New Year, or Spring Festival as it's been called since the 20th century, remains the most important social and economic holiday in China. Originally tied to the lunar-solar Chinese calendar, the holiday was a time to honor household and heavenly deities as well as ancestors. It was also a time to bring family together for feasting. With the popular adoption in China of the Western calendar in 1912, the Chinese joined in celebrating January 1 as New Year's Day. China, however, continues to celebrate the traditional Chinese New Year, although in a shorter version with a new name–the Spring Festival. Significantly, younger generations of Chinese now observe the holiday in a very different manner from their ancestors. For some young people, the holiday has evolved from an opportunity to renew family ties to a chance for relaxation from work.


Pictures: